อิชิกะโอมากาเสะ: ธรรมชาติให้วัตถุดิบอิชิกะสร้างสรรค์รสชาติเพื่อคุณ วันนี้เราจะมาเล่าให้เพื่อนๆฟัง ผมไดเมีโอกาสเปิดประสบการณ์การกินอาหารญี่ปุ่นแบบ Omakase (โอกามาเสะ) ตอนแรกก็งงๆ มันคืออารายว้าา จริงๆพูดง่ายๆ คือ การทานอาหารแบบ “เชฟจัดให้” โดยเชฟจะคัดเลือกวัตถุดิบสดใหม่ชั้นดี ตามฤดูกาล นำเข้ามาจากแหล่งวัตถุดิบต่างๆทั่วประเทศญี่ปุ่น แล้วเชฟชาวญี่ปุ่นก็จะรังสรรค์เมนูต่างๆให้เราได้ทาน แบบว่าตามใจเชฟว่าอยากจะสร้างสรรค์เมนูไหนให้เราได้กิน เชฟจะมีอิสระในการรังสรรค์เมนูอย่างเต็มที่ ซึ่งอิสระนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นยิ่งในการดึงเอาปฏิภาณไหวพริบของเชฟออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ตื่นเต้นดีเว้ย!! ว่าเราจะได้กินอะไรๆ แค่คิดก็สนุกแล้วครับ
เอาจริงๆคือผมเป็นคนที่ไม่ชอบกินซูชิเลย เพราะข้าวมันเยอะ กินแล้วมันอิ่มๆ แน่นๆยังไงไม่รู้ แต่เมื่อผมมา Ichika Omakase ทำผมต้องเปลี่ยนความคิด คือแม่งแต่ละคำที่เชฟได้สร้างสรรค์ให้กิน พอได้สัมผัสลิ้น สัมผัสกลิ่น คือมันดีมากเลยเว้ย!!! บอกเลยว่ามันดีทุกๆคำที่ได้กินจริงๆ ผมไม่อยากให้เพื่อนๆพลาดของอร่อยๆแบบนี้
ที่อิชิกะโอมากะเสะ รักษาธรรมเนียมการทำอาหารแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมเอาไว้ในทุกอณู อิชิกะหมายถึงดอกไม้ที่หนึ่งซึ่งดอกไม้ดอกนี้จะทำให้คุณสดชื่นอย่างแท้จริงเมื่อคนกรุงเทพฯได้มาทานอาหารที่อิชิกะทุกคนจะเห็นโลโก้รูปดอกซากุระโดดเด่นณทางเข้าเป็นอันรู้กันว่าอาหารที่มีดีทั้งรูป, รสและกลิ่นที่โดดเด่นไม่แพ้กันรอคุณอยู่ข้างในร้าน
ภายในร้านบรรยากาศจะอบอุ่นและ Private มากๆ รอบนึงเค้าจะรับเพียงแค่ 14 ที่นั่งเท่านั้น ทำให้รู้สึกเป็นส่วนตัวและกันเองสุดๆ โต๊ะที่นั่งเป็นลักษณะมีเคาน์เตอร์บาร์ ซึ่งเราจะเห็นขั้นตอนการปรุงอาหารของเชฟกันแบบสดๆ ทุกขั้นตอนการปรุง ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบคอร์ส
จุดเด่นอีกอย่างของที่นี่ก็คือเขียงที่ทำจากต้นไม้ Hinoki อายุมากกว่า 150 ปี จากเมืองนากาโน่ ที่ถูกคัดสรรมาอย่างดี ทั้งในแง่ของขนาด รูปทรง รวมถึงกลิ่นของเนื้อไม้ มีดเองก็สำคัญไม่แพ้กัน มีดถูกสั่งทำพิเศษ และหลอมมาจากเหล็กบลูสตีลชั้นยอดจากเมืองซาไก ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทำให้มีดเล่มนี้คมกริบ สามารถหั่นได้อย่างแม่นยำ และไม่เสียรสชาติของวัตถุดิบเลยแม้แต่น้อย
ร้าน Ichika Omakase อยู่ในโรงแรม Rembrandt สุขุมวิทซอย18 หากนำรถส่วนตัวมาก็จอดภายในลานจอดของโรงแรมได้เลย ส่วนใครนั่งนั่ง BTS มาให้มาลงสถานีอโศก แล้วเดินต่อมาถึงซอยสุขุมวิท 18 เดินเข้าซอยไปไม่ลึก จะเจอโรงแรม Rembrandt อยู่ทางซ้ายมือ ร้าน Ichika Omakaseจะตั้งอยู่บนชั้น 2 ของโรงแรม Rembrandt
ร้านเปิดให้บริการทุกวัน **ยกเว้นวันพุธ
มื้อเที่ยงเริ่มตั้งแต่เวลา 12.00 – 14.30 น.
ส่วนมื้อเย็นจะเริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 – 22.30 น.
คอร์สมีให้เลือกตั้งแต่ราคา 1,700 – 6,700 บาท
For reservations : https://m.me/ichikathailand
Tel. 061-165-6546
ผมได้เลือกทาน Fugenzo 4,700. บาท 19 Item มาดูกันว่าเชฟทำอะไรให้กินบ้างง
1.Sashimi (Chutoro+KoJi) Chu-Toro(中とろ) คือ เนื้อส่วนที่อยู่ใกล้กับครีบของปลาทั้งด้านบนและท้องส่วนหลัง เนื้อส่วนนี้มีรสสัมผัสที่หวานนุ่มเพราะมีไขมันคั่นสลับเนื้อปลาอยู่ตลอดทั้งชิ้น แร่เป็น sashimi รสหวาน นุ่ม อร่อยๆ แค่จานแรกก็ฟินแล้วครับ
2.Kaki PonzuJelly หอยนางรมญี่ปุ่นสดๆ topping ด้วย Ponzujelly เป็นซอสรสเปรี้ยวได้มาจากผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวตระกูลส้ม ที่เรียกว่า ยุสุ (Yuzu) เรียกว่า รสสัมผัสดีมาก หอยสดหวาน แล้วมีรสเปรี้ยวนิดๆของส้ม ถือว่าผ่านเลยครับ
3.Isaki เป็นปลากระพงประเภทหนึ่ง เรียกได้ว่าเป็นตัวแทนของปลาในฤดูร้อนได้เลยก็ว่าได้ เพราะในฤดูนี้ Isaki จะมีรสชาติที่อร่อยที่สุด พบมากในเขตอิซึไปจนถึงเขตโบชิวของประเทศญี่ปุ่น เชฟเสริฟเป็นซูชิ เนื้อปลานุ่มมาก หวาน ละมุน ละลายในปากเลยครับ
4.Botan Ebi กุ้งโบตั๋น (ぼたんえび,) เป็นกุ้งทะเลน้ำลึกสัญชาติญี่ปุ่น โดยความพิเศษของกุ้งโบตั๋น คือเป็นกุ้งที่มีขนาดใหญ่ จะมีความหวานเนื้อเด้งมาก เนื้อจะมีความมันและหวาน เชฟเสริฟในรูปแบบของซูชิ ราด topping ด้วยมันกุ้ง คือมันดีมาก หวานเด้ง สมคำล่ำลือจริงๆ
5.Hotaru Ika (ปลาหมึกหิ่งห้อย) วัตถุดิบที่บอกเราได้ว่า ฤดู Spring ในประเทศญี่ปุ่นมาถึงแล้ว ปลาหมึกตัวจิ๋วชนิดนี้จะเริ่มมีในตลาดปลาในญี่ปุ่นตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมไปจนถึงปลายมิถุนายน ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนปลาหมึกชนิดอื่นๆ ทำให้มันได้รับความนิยมสูงมากๆในประเทศญี่ปุ่น เชฟนำไปย่างบนถ่านไฟเบาๆ ทำให้มีกลิ่นหอม รสชาติหวานสุดๆไปเลยครับ
6.Otoro โอโทโร่ คือ เนื้อส่วนท้องของปลาทูน่า หรือ Maguro ซึ่งถือว่าเป็นปลาที่ชาวญี่ปุ่นนิยมรับประทานในแบบปลาดิบมากที่สุด เรียกได้ว่า โอโทโร่…ราชันย์แห่งซูชิ ก็ยังได้
7.Sumi Ika (ปลาหมึกกระดองญี่ปุ่น) จะให้รสชาติที่หวานและเนื้อสัมผัสที่กรอบนุ่ม เคี้ยวทะลุและละลายในปาก topping ด้วยไข่ปลา แบบว่าสัมผัสแรกที่กัดมันดีมาก กรอบ หวาน อร่อยครับ
8. Akami (赤身) ซึ่งเป็นเนื้อส่วนกลางลำตัวของปลาทูน่า มีสีแดง ไม่มีไขมัน เป็นส่วนที่มีจำนวนมากที่สุดและหาได้ง่าย เป็นส่วนที่ใช้ทำซูชิทั่วไปๆครับ
9.Hotate Tempuraหอยเชลล์คัดไซส์ตัวใหญ่ นำมาชุบแป้งเทมปุระทอด กรอบนอกนุ่มใน รสชาติกลมกล่อม สุดๆไปเลยครับ
11.Isaki Sakamushi ปลากระพงนึ่งสาเกญี่ปุ่น แล้วเสริฟเป็นซูชิ คือดีงาม
12.Uni(อูนิ) หรือที่คนไทยเรียกว่า ไข่หอยเม่น กันดีกว่า วัตถุดิบชั้นเลิศจากทะเล Uni ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูง ในบางร้านซูชิในไทยอาจจะมีราคาสูงถึงคำละหนึ่งพันบาทเลยทีเดียว คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่า Uni คือไข่หอยเม่น แต่จริงๆแล้วมันคือ อัณฑะหรือ รังไข่ของหอยเม่น นั่นเอง หวาน ละมุน สัมผัสที่อ่อนโยน คือคำนิยามสั้นๆของไข่หอยเม่น
13.Mirugai (ミル貝) ภาษาอังกฤษก็คือ Geoduck หรือหอยงวงช้าง กรอบสดมากๆ แบบว่ายังดิ้นๆอยู่เลย หวานอร่อยจริงๆ ซึ่งหอยยักษ์ตัวนี้ได้หาทานยากเป็นอย่างมากมากและเป็นที่ต้อการอย่างสูงในร้านอาหารญี่ปุ่นระดับชั้นนำเท่านั้น ในส่วนของหอยที่ใช้สำหรับทำข้าวปั้น นั้นคือด้านนอกเรียกว่า “กาลักน้ำ” ซึ่งเป็นส่วนที่ยื่นออกมาจากเปลือก มิรุไกนิยมเสิร์ฟกับข้าวปั้นและวาซาบิเกรดสูง มิรุไกมีเนื้อที่กรุบกรอบและมีรสหวานของทะเลที่ละเอียดอ่อนและอุดมไปด้วยกลิ่นของสาหร่ายทะเล
14.Otoro Teriyaki เนื้อส่วนท้องของปลาทูน่า หรือ Maguro นำมาปรุงแบบ teriyaki เป็นเมนูที่ผมฟินมากๆ มันละลายในปาก หวาน อร่อยมากเลย
15.Chutoro Chu-Toro(中とろ) คือ เนื้อส่วนที่อยู่ใกล้กับครีบของปลาทั้งด้านบนและท้องส่วนหลัง เนื้อส่วนนี้มีรสสัมผัสที่หวานนุ่มกว่า Akami เพราะมีไขมันคั่นสลับเนื้อปลาอยู่ตลอดทั้งชิ้น นำมาปรุงวางบนแผ่นสาหร่าย ดีงามมากเลยครับ
16.Negitoro Maki คือข้าวห่อสาหร่ายไส้หรือท็อปปิ้งเป็นปลาทูน่าส่วนท้องสับกับต้นหอม
17.Tamagoyaki คือไข่ม้วน ไข่เจียวแบบญี่ปุ่น หรือที่เราคนไทยเรียกกันติดปากว่าไข่หวานนั่นเอง เมนู Signature ของทางร้านเลย อร่อยมากๆๆๆ รสชาติคล้ายคัสตาร์ด
18.osuimono soup ตบท้ายด้วยซุปใสแสนอร่อย คล่องคอ
19.Teramisu ของหวานสุดท้ายแสนอร่อย
#Ichika #Omakase #OmakaseBangkok #JapaneseCuisine#SushiOmakase