วันเสาร์, พฤศจิกายน 23, 2024
Travel

หลวงพระบาง หนองเขียว เมืองงอย

ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ยังรอให้คุณไปค้นหา หลวงพระบาง หนองเขียว เมืองงอย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ทริปนี้ผมเดินทางใช้เวลา 6 วัน 5 คืน คืนแรกนอนหลวงพระบาง คืน 2-3 นอนเมืองหนองเขียว คืน 4 นอนเมืองงอย และคืนที่ 5 นอนหลวงพระบางก่อนกลับครับ

ทริปนี้ผมและเพื่อนๆมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ หนองเขียว เมืองงอย แขวงหลวงพระบาง ประเทศลาว เมืองเล็กๆทางเหนือของลาว ที่ยังเต็มไปด้วยธรรมชาติ ขุนเขา สายหมอกที่สวยงาม เป็นเมืองที่รถเข้าถึง นั่งรถจากหลวงพระบางประมาณ 3-4 ชม

เริ่มต้นการเดินทางโดยเครื่องบินจากดอนเมือง-หลวงพระบาง พวกเราใช้บริการสายการบิน AIRASIA ค่าเครื่องไปกลับก้อ 3 พันกว่าบาท เที่ยวบินของเราถึงหลวงพระบางเย็นๆ เราต้องนอนที่หลวงพระบางก่อน 1 คืน แล้วเราจะเดินทางโดยรถยนต์ต่อไปเมืองหนองเขียวพรุ่งนี้เช้า

เมื่อถึงหลวงพระบาง พวกเราก็จัดการเหมารถเข้าเมือง ครั้งนี้เราเดินทางกัน 8 คน เหมารถตู้เข้าเมืิองเลยดีกว่า ราคาไม่แพง ใครจะแลกเงินที่สนามบินก็มีให้แลก ซื้อซิมการ์ดก็ที่นี่เลยครับ

เราจองที่พักกันมาแล้วที่ WE HOUSE GUEST HOUSE เอาของเข้าที่พักกันก่อน แล้วจะออกไปเดินเล่นถนนคนเดิน หาไรกินกันหิวแล้ววว

เดินมุ่งหน้าสู่ตลาดเลยจ้า ซอยเล็กๆใกล้ถนนคนเดิน ของกินเพียบทั้งส้มตำ อาหารย่าง แกงพื้นเมือง ทั้งบุฟเฟ่อาหารตักเท่าไหร่ก็ได้ให้จานมา 1 ใบ พวกเราเลือกกินส้มตำจ้า ร้านในซอยนี้แซ่บมากมาย ใครมาหลวงพระบางอย่าลืมมากินส้มตำร้านนี้ อร่อยๆ เภคอนเฟิม

สิ่งที่มาหลวงพระบางแล้วต้องกินก็ ตำหลวงพระบาง มะละกอจะเป็นเส้นแบนๆ ตำใส่ปลาร้าและกะปิ อร่อยมากๆ ของย่างๆต่าง ต้มแซ่บหมาล่าก็ไม่ธรรมดา ลิ้นชากันเลยทีเดียว

นี่ไงที่บอกว่าให้ถ้วยมา 1 ใบราคา 15000 กีบ จะตักเท่าไหร่ก็ได้ ตามสะดวกเลยจ้า

อิ่มท้องเสร็จ เราเดินตลาดมืดกันต่อ ตลาดมืดเป็นคำที่ชาวบ้านในเมืองหลวงพระบางใช้เรียกถนนคนเดินตอนกลางคืน ซึ่งมิได้ขายของผิดกฎหมาย แต่เป็นถนนที่ขายงานฝีมือ ศิลปะ วัฒนธรรม แบบหลวงพระบาง ถ้าต้องการหาของฝากราคาถูก ต้องมาที่นี่ เพราะมีทุกอย่าง ทั้งกระเป๋าผ้าลวดลายสวยงาม รองเท้าผ้า งานแฮนด์เมด โคมไฟและข้าวของเครื่องใช้จากกระดาษสา ร่มกระดาษสา เครื่องประดับและเฟอร์นิเจอร์ไม้ เครื่องประดับทั้งเงิน ทอง อัญมณี ภาพวาดจากศิลปินท้องถิ่น ผ้าพื้นเมือง เสื้อผ้าแบบพื้นเมือง ฯลฯ ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าเป็นคนท้องถิ่น จึงสามารถต่อรองราคาได้

เดินไปเรื่อยๆจนสุดถนนคนเดิน หาร้านนั่งคุยแผนการเดินทางชิลๆกัน แล้วพรุ่งนี้เราต้องหารถไปหนองเขียวด้วย เนื่องจากพวกเราเดินทางกันหลายคน วิธีการเดินทางที่ดีที่สุดคือ เหมารถไปเลยครับถูกกว่าเยอะ!! ปล.ถ้าไปรถประจำทางก็ไปขึ้นที่ท่ารถสายเหนือ ของหลวงพระบาง ราคาคนละประมาณ 40000 กีบ

สรุปแผนการเดินทาง พรุ่งนี้เราเหมารถได้ในราคา 560,000 กีบประมาณ 2,000 บาท 8 คนตกคนละ 200 กว่าบาทเอง เรานัดรถไปรับที่โรงแรมเลยจ้า ก็สายๆหน่อย เช้าเราจะมาใส่บาตรข้าวเหนี่ยวกันก่อนแล้วค่อยออกเดินทางครับ

เสน่ห์ที่ทำให้นักเดินทางทั่วโลกหลงรักเมืองหลวงพระบางก็คือ วิถีการดำเนินชีวิตของคนท้องถิ่น ที่ยังคงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ในทุกๆเช้ามืด ชาวบ้านจะตื่นมารอใส่บาตรพระสงฆ์นับร้อยรูป ที่เดินบิณฑบาตเรียงแถวกันอย่างเป็นระเบียบ บริเวณหน้าไปรษณีย์หลวงพระบางจะมีชาวบ้านหาบข้าวปลาอาหาร จัดเป็นชุดๆ เพื่อจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวที่ต้องการใส่บาตร ข้าวที่ใช้ใส่บาตรนั้นเป็นข้าวเหนียว เป็นการตักบาตรที่คล้ายกับทางภาคอีสานของไทย เวลาที่เหมาะสมที่สุดในการใส่บาตรก็คือช่วงตีห้าถึงหกโมงเช้า เพราะหลังจากนั้นพระสงฆ์จะกลับเข้าวัดเพื่อไปทำกิจของสงฆ์ ตื่นกันเช้าๆเด้อไม่งั้นใส่บาตรไม่ทันแน่นอน

ถ้าใครอยากสัมผัสวิถีชีวิตที่แท้จริงของคนหลวงพระบาง ต้องยอมตื่นเช้ามาใส่บาตรกันแล้ว ไปเดินสำรวจตลาดเช้า ซึ่งอยู่ในซอยถนนที่ถัดลงไปจากถนนศรีสว่างวงศ์ ตลาดแห่งนี้จะทำให้นักท่องเที่ยวได้อึ้ง ทึ่งกับข้าวของที่ชาวเมืองนำมาขาย เพราะแต่ละอย่างนั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ทั้งงู อุ้งตีนหมี ปลาแม่น้ำโขงตัวใหญ่เบ้อเริ่ม เป็ดไก่ที่เชือดกันสด ๆ ค้างคาว หนูนา นกป่า ฯลฯ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีของทั่วไปให้ได้เลือกซื้อ เพราะที่นี่เป็นแหล่งรวมผัก ผลไม้สดจากชาวสวน มีพืชผักแบบพื้นเมืองมากมายให้ได้เลือกซื้อไปประกอบอาหาร

หลังจากเดินสัมผัววิถีชีวิตชาวหลวงพระบางในยามเช้ากันแล้ว หิวสิหาอะไรกินหน่อย ร้านประชานิยม ร้านอาหารเช้าที่ใครๆก็มาทานร้านนี้

บรรยากาศริมน้ำตรงร้านประชานิยมยามเช้าก็ไม่ธรรมดา สวยดีๆ ถ่ายรูปเพลินๆเลยครับ

เริ่มต้นขึ้นแล้วครับ การเดินทางจากหลวงพระบางไปหนองเขียว ระยะทางประมาณ 140 กิโลเมตร ไม่ไกลนะครับ แต่ใช้เวลาการเดินทางประมาณ 3-4 ชม ถนนค่อนข้างชำรุด บางจุดอาจมีดินสไลด์ หรือสะพานทรุด ต้องเช็คกับคนในพื้นที่ให้ดี แต่เดินทางได้ตลอด วิวข้างทางนี่สวยไม่ธรรมดาลืมเรื่องเวลาไปเลยครับ **ช่วงที่เรามีสะพานทรุดเราเลยต้องนั่งรถไปที่สะพานก่อนแล้วเดินข้ามไปเพื่อไปขึ้นรถตู้อีกฝั่งที่รอเราอยู่ครับ

ไปถึงหนองเขียว หาที่พักริมน้ำหรือเรือนแพ พวกเราพักกันที่ Nong Kiau Riverside ที่พักริมน้ำอู เห็นวิวสะพานยิ่งโคตรดี ตื่นเช้ามาหมอกจะลอยหน้าที่พักเลยจ้าา

ที่พักกว้าง แอร์เย็น สะอาด บรรยากาศดี หน้าพักมากๆ ใครมาหนองเขียวแนะนำพักที่นี่เลย

ช่วงเย็นๆ เราไปเดินเล่นในเมืองกัน เดินข้ามสะพานไปอีกฝั่งก็เป็นตลาดแล้วครับ

พวกเราเดินเล่นไปเรื่อยๆ ไปตามหาตลาดเย็นกันครับ ไปดูสิมีอะไรขายบ้าง

หนองเขียวที่นี่จะเป็นหมู่บ้านเงียบๆ สงบมาก ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว ถ้ามีก็จะเป็นฝรั่งแบบ backpack ถือว่าเป็นเมืองที่ยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่สูงมากๆเลยครับ

ตอนเย็นๆ จุดชมพระอาทิตย์ตกและจุดรวมวัยรุ่น วัยเก๋า ออกมาออกกำลังกาย นั่งคุยกัน ก็ที่สะพานข้ามแม่น้ำอูเลยจ้า ปล.วันนี้ฟ้าสวยมากๆเลยครับ

เช้าตื่นแต่เช้า ตี 4 ครึ่ง เราจะเดินขึ้นจุดจุดชมวิวผาแดง ใช้เวลาเดินขึ้น 1-2 ชม แล้วแต่ความแข็งแรงของแต่ละบุคคล ทางค่อนข้างชันและเหนื่อยพอสมควร แต่ถึงจุดชมวิวแล้ว โคตรดี หายเหนื่อยเลยจ้า เห็นวิว 360 องศา เห็นทั้งหมู่บ้าน วิวแม่น้ำอู วิวภูเขา หมอก มองเห็นนาขั้นบันได

การขึ้นมาจะมีการเก็บค่าขึ้นด้วยคนละ 20000 กีบ จะเก็บตั้งแต่ทางขึ้นเลยครับ

วิวสวยงามรอบทิศเลยจิงๆ 360 องศา กดชัตเตอร์ไม่หยุดเลยครับ ถ่ายตรงไหนก็สวยไปหมด

10 โมงกว่าแล้วหมอกยังลอยไปลอยมาอยู่เลย แต่พวกเราหิวข้าวมากๆ 55+ เดินลงกันดีกว่า

เมื่อเช้าเราขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่สว่าง นี่คือทางเริ่มเดินขึ้นผาแดง

วันนี้เราไม่ได้ไปไหนต่อ ใช้ชีวิต slow life พักผ่อนจากเมื่อเช้าที่เดินขึ้นผาแดง แล้วช่วงเย็นๆเราไปเดินเล่นกันต่อ

เมืองหนองเขียว จะแยกโซนเป็นสองฝั่ง ฝั่งบ้านคน-ตลาด-วิถีชีวิต และอีกฝั่งเป็นร้านอาหาร ที่พัก ผับบาร์เล็กๆ แบ่งแยกค่อนข้างชัดเจน ที่พักมีทั้งเกสเฮาส์และรีสอร์ท ราคาหลักร้อย ถึงหลักพัน (พักสัก 2 คืนกำลังดี) 

เช้าวันที่ 3 วันนี้เรามีแผนจะนั่งเรือเข้าที่พักที่ เมืองงอย เป็นเมืองเก่าของหนองเขียว(งอยใหม่) การเดินทางได้ทางเรือเท่านั้น แต่ช่วงเช้าเราจะเดินตลาดเช้าเมืองหนองเขียวกันก่อน ยามเช้าที่หนองเขียวก็จะมีหมอกลอยไป ลอยมา โคตรดีเลยอ่าา

ตลาดเช้าเมืองหนองเขียว ของแปลกๆเพียบ เยอะกว่าหลวงพระบางอีกครับ

สายๆเราจะนั่งเรือต่อเข้าไปเมืองงอย(หนองเขียวเก่า) เข้าได้ทางเรือเท่านั้น เมืองเล็กๆ สงบๆ ยังคงธรรมชาติ ประเพณี วัฒนธรรม ที่สวยงาม เข้าไปพักสัก 1  คืนกำลังดี มีจุดชมวิวให้ขึ้นชมมุมสูง มีตลาดเช้า มีตักบาตรข้าวเหนียว พักตากอากาศที่นี่ถือว่าดีเลยครับ

ปล.ถ้าไปเรือโดยสารจะเสียคนละ 25,000 กีบ แต่เนื่องคนเยอะมากและของก็เยอะมาก กลัวเรื่องความปลอดภัย พวกเราเลยตัดสินใจเหมาลำกันเข้าไปเลย 600,000 กีบ

ใครจะเดินทางไปเมืองงอยมีวิธีเดียว คือนั่งเรือเพราะไม่มีถนนเข้าถึง โดยต้องนั่งรถจากหลวงพระบางไปเมืองหนองเขียวใช้เวลา 3-4 ชั่วโมง จากนั้นลงเรือล่องขึ้นเหนือมาตามลำน้ำอูราว 1 ชั่วโมง ก็จะถึงเมืองงอย

เมืองงอย ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขาน้อยใหญ่ ช่วงหน้าฝนจนถึงฤดูหนาวจึงมีเมฆหมอกปกคลุมทาบทับอยู่ตลอดทั้งวัน คล้ายๆกับมีปราการยักษ์และม่านมนต์ปกป้องเมืองเล็กๆ แต่น่ารักเอาไว้ในอ้อมกอดของธรรมชาติ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวสไตล์ที่ชอบปลีกวิเวกและพักผ่อนแบบสันโดษ นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่จะ backpack มากันซะเป็นส่วนใหญ่

หลังจากถึงเมืองงอย เราก็เข้าที่พักกัน พวกเราจองที่พักกันมาแล้วตั้งแต่อยู่ไทยผ่าน Booking.com ผ่าน App SHOPBACK สบายไร้กังวล ได้เงินคืนด้วย ที่นี่ก็มีที่พักเยอะพอควรเลย แต่เป็นแนวสำหรับนัก Backpack ทั้งหลาย ราคาก็มีตั้งแต่ 300 จนถึงหลัก 1000 เลยครับ พวกเราพักกันที่ NING NING GUESTHOUSE ห้องในสวนราคาประมาณ 500 บาท ถ้าริมน้ำวิวน้ำอูราคาประมาณ 1000 บาท

หลังจากเข้าที่พักเสร็จ อากาศร้อนๆเราไปหาน้ำเล่นกันดีกว่า เห็นว่าเดินไปอีกไม่ไกลจะมีน้ำธรรมชาติที่ไหลออกมาจากถ้ำ สามารถเล่นได้ พอดีเราเดินมาซื้อของที่ร้านขายของชำ พี่เค้าบอกว่าเหมารถอีแต๊กเค้าไปก็ได้ เราก็เหมาสิครับ ทางก็จะทุลักทุเลหน่อยๆ

ถึงแล้วน้ำใสไหลเย็น โคตรดีเลยตัวเองง เล่นกันเพลินเลยครับ คลายร้อนได้ดีมากๆ

หลังจากสดชื่นกันแล้วกลับมาที่เมืองงอย แรงยังเหลือเดินขึ้นจุดชมวิวกัน ทางชันแต่ไม่ไกลมาก ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึง เห็นวิวเมืองงอยทั้งเมืองเลยจ้า

บรรยากาศยามเย็นที่นี่ เด็กๆมาเล่นน้ำ หาปลา มันยังเป็นธรรมชาติอยู่มากๆ

ช่วงที่เราไปเป็นช่วงที่เค้ามีงานบุญพอดี ตอนเช้าพรุ่งนี้จะมีใส่บาตรตอนเช้า ที่หน้าบ้านและมีตลาดนัดใหญ่ด้วย โชคดีของเราจริงๆ

กลางคืนหน้าที่พักเราโคตรชิล นั่งดูดาว จิบเบียร์ อากาศดีๆ

ตอนเช้าตื่นแต่เช้ากันนิดนึง อากาศที่นี่โคตรดี เดินไปที่ถนนหลักหน้าวัด ชาวบ้านมารอพร้อมใส่บาตรกันแล้ว

มาดูบรรยากาศกันดีกว่า มันช่างงดงาม มีเสน่ห์มากๆ รู้สึกโชคดีมากที่มาเจอตอนที่เค้ามีงานบุญพอดี

หลังจากที่ใส่บาตรข้าวต้มกันแล้ว ชาวบ้านจะพากันเอากับข้าวตามไปทำบุญที่วัดกันต่อ

หลังจากอิ่มบุญกันแล้ว เราไปสำรวจตลาดเช้ากันต่อ มีแค่เดือนละครั้งเท่านั้น ของขายก็จะมีตั้งแต่ของกิน เสื้อผ้า ยาสูบ เรียกว่าครบทุกอย่างจิงๆ

อิ่มบุญ อิ่มท้อง พี่เจ้าของที่พักแนะนำให้เรานั่งเรือต่อเข้าอีกมีอีกหมู่บ้านนึงเป็นหมู่บ้านริมน้ำอูเช่นกัน เป็นบ้านที่สะอาดสะอ้าน น่าเที่ยว มีอาชีพทำผ้ากันทั้งหมู่บ้านเลย ชื่อว่า บ้านสบแจม เราเดินทางโดยการเหมาเรือเข้าไป 250,000 กีบ

ส่วนตัวผมนั่งเรือไปก็คิดว่า สปป.ลาว ภูเขาโคตรสวยเลย มองไม่เบื่อเลยครับ

พอเราเดินเข้าไปในหมู่บ้าน ชาวบ้านจะนำผ้าออกมาแขวนขายกันทุกบ้านเลยครับ ลายก็จะแตกต่างกันออกไป สวยงามทุกบ้าน ราคาไม่แพงครับ

เที่ยงๆเด็กกลับจากโรงเรียนมากินข้าวที่บ้าน พวกเราถือโอกาสเลี้ยงขนมเด็กๆกันครับ

เที่ยวเสร็จเราตีกลับยาวหลวงพระบางเลยจ้า นั่งเรือกลับมาหนองเขียว แล้วเหมารถตู้กลับเหมือนเดิม เราติดต่อรถตู้ไว้แล้ว คืนสุดท้ายเราจะนอนกันที่หลวงพระบางครับ มาถึงหลวงพระบางเย็นๆ รีบวิ่งขึ้นไปชมวิวบนพระธาตุพูสี คนเพียบเลยครับ 555+

เดินเล่นตลาดมืดกันต่อ หาของกินชิลๆ

เช้าวันสุดท้ายก่อนกลับ ออกมาตักบาตรเช้ากัน ทริปสายบุญ 555+ แล้วปั่นจักรยานเล่นในเมืองหลวงพระบางก่อนกลับ

มุมบริเวณพระราชวัง สวยงามมากๆ มุมถ่ายรูปเพียบ

ก่อนกลับเราขอจัดส้มตำอีกมื้อ ร้านดังหลวงพระบาง ส้มตำเจ้ติ๋ม หลวงพระบาง

หลังจากอิ่มท้องก็ได้เวลาจากลา “หลวงพระบาง หนองเขียว เมืองงอย” เมืองในฝันของชาว backpack ทั้งหลาย ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบ

ฝากติดตามช่องทางต่างๆของเภพาเที่ยวได้ที่

www.phephatiew.com

www.facebook.com/phephatiew

https://www.instagram.com/phephatiew/

Leave a Response