หลังจากที่คลื่นลม และมรสุมในภาคใต้สงบงงแล้ว ร่างกายก็เรียกร้องหาวิตามิน Sea ขึ้นมาทันที ต้นปีแบบนี้เที่ยวเกาะ กับหาดทรายสวย ๆ น้ำทะเลใส ๆ มันใช่เลย ยิ่งในช่วงที่กรุงเทพฯ มีมลภาวะทางอากาศ ค่า PM2.5 พุ่งพรวดแบบนี้ด้วยแล้ว ยิ่งต้องหนีไปไกล ๆ ว่าแล้วก็สรุปลงตัวกันทันทีที่ “ภูเก็ต” กับทริป 3 วัน 2 คืน ในแบบฉบับเน้นเที่ยวล้วนๆเพราะผู้ร่วมทริปทุกคนเคยไปภูเก็ตกันมาแล้ว อันเป็นที่มาของทริป “3 วัน 2 คืนเที่ยวภูเก็ตฉบับเน้นที่เที่ยว” และแล้ววันเดินทางก็มาถึง
เราเริ่มออกเดินทางวันศุกร์ (แอบหนีงาน 1 วัน) โดยเลือกไฟลท์ที่เช้าแต่ไม่มาก ให้ไปถึงภูเก็ตช่วงสาย ๆ พอดี เอาแบบที่กำลังสบาย ๆ โดยเราจองไฟลท์เดินทาง และที่พักล่วงหน้าก่อนเดินทางกับ Traveloka ซึ่งสามารถจองตั๋วเครื่องบินไปภูเก็ต คลิกที่นี่ นอกจากจองง่ายสะดวกสบายแล้ว เรายังได้ราคาโปรโมชั่นและโค้ดส่วนลดเพิ่มอีกต่างหาก อีกทั้งยังจองที่พักภูเก็ตกับ Traveloka ได้ด้วยฟินสุด ๆ แล้วมีเงินเหลือเป็น Pocket Money ติดตัวไว้เที่ยวเพิ่มด้วย
ไฟลท์ของเราออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ 7:40 ถึงสนามบินปลายทางภูเก็ตเวลา 9:10 น. หลังจากลงเครื่องที่ภูเก็ต เราเลือกใช้บริการรถรับ – ส่งสนามบินของโรงแรม ซึ่งเราโทรไปจองตรงกับทางโรงแรมหลังจากจองตั๋วเครื่องบินและที่พักไปแล้ว เพราะไม่อยากเสียเวลาหารถ และเหนื่อยกับการลากกระเป๋า พร้อมทั้งแจ้งทางโรงแรมว่าขอ Early Check – In ประมาณ 10 โมงด้วย รถของโรงแรมก็มารับจากสนามบินเพื่อไป Check – In ที่โรงแรมตามเวลาแป๊ะ แต่เราขอให้คนขับรถพาแวะที่ หาดไม้ขาว ก่อนเข้าที่พัก เพื่อไปเดินเล่นริมชายหาดที่อยุ่ไม่ไกลจากสนามบินชิลล์ ๆ รอเวลเครื่องบินขึ้น – ลงที่สนามบิน แล้วถ่ายรูปเท่ๆ บนชายหาดคู่กับเครื่องบินลำใหญ่ Big Size ที่เหมือนอยู่ใกล้แค่เอื้อม ที่กลายเป็นกิมมิคของ หาดไม้ขาว แห่งนี้ไปแล้ว เดี๋ยวใคร ๆ จะหาว่าเรามาไม่ถึงภูเก็ต ก่อนเดินทางต่อไปยังที่พักเพื่อ Check –In เข้าที่พัก
ทริปภูเก็ต 3 วัน 2 คืนครั้งนี้เราเลือกพักที่ Angsana Laguna Phuket ที่พักติดชายหาดที่สามารถออกไปเดินเล่นรับลมทะเลของภูเก็ตได้แบบชิลล์ในช่วงบ่ายแก่ ๆ แดดร่ม ๆ ห้องพักก็กว้างขวางสะดวกสบายและสะอาดดี ที่สำคัญคือพื้นที่ภายในบริเวณของโณงแรมกว้างขวางมาก แถมมีกิจกรรมภายในโรงแรมด้วย
ส่วนใครที่อยากดูหน้าตาห้องพัก ของ Angsana Laguna Phuket หรือเช็คราคาจองที่พักกับ Traveloka ก็ คลิกที่นี่
แต่ทริปนี่เราเน้นเที่ยวก็คงไม่ได้ใช้ facilities ของโรงแรมใด ๆ ในส่วนนี้ ส่วนของที่พักซึ่งเราก็จองที่พักพร้อมได้ส่วนลดเพิ่มกับ Traveloka พร้อมกับตอนที่จองตั๋วเครื่องบินนั่นแหละ เราถึงโรงแรมที่พักเวลาเกือบ 11 โมง หลังจาก Check – In ได้ห้อง เก็บของกันเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาเที่ยวแล้วสิ
เช็คราคาและจองที่พักภูเก็ตกับTraveloka
ตามแผนคร่าว ๆ ที่พวกเราร่าง ๆ กันไว้ ในวันแรกเราเลือกจะเที่ยวในตัวเมือง เดินเล่นชิลล์ ๆ หามุมถ่ายรูปชิค ๆ ในย่านเมืองเก่าสุดฮิปของภูเก็ต และสำหรับวันที่สองและสามนั้นจะเป็นการเน้นเที่ยวเกาะ เที่ยวทะเลล้วน ๆ เอาล่ะงั้นมาเริ่มการเที่ยวในวันแรกกันได้ เริ่ม …
วันที่ 1 ทานอาหารพื้นเมือง เดินเล่นชมย่านเมืองเก่า ชิลล์เอ้าท์ริมหาดที่ หาดกะรน ชมพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพ และแองก์เอ้าท์ตอนเย็นที่หาดป่าตอง
หลังจากออกจากที่พัก ก็ได้เวลามื้อเที่ยงพอดิบดอดี เราก็มุ่งหน้าสู่ร้านอาหารในย่านเมืองเก่า ที่ ร้านตู้กับข้าว ร้านอาหารพื้นเมืองชื่อดังของภูเก็ต บนถนนพังงา ที่ตัวร้านตกแต่งในสไตล์ชิโปรตุกีสเข้ากับบรรยากาศตึกเก่าสไตล์ชิโนโปรตุกีสในบริเวณนั้น สำหรับมือ้เที่ยงพวกเราเลือกลิ้มลองรสชาติอาหารพื้นเมืองที่เป็นเมนูยอดฮิตของร้าน อันได้แก่ หมูฮ้อง แกงปูใบชะพลู น้ำพริกกระปิกุ้งเสียบ หมูเหลี่ยมต้อผัดกะปิสะตอ และต้มส้มปลาภูเก็ต
หลังจากอิ่มเอมกับอาหารมื้อเที่ยงรสเลิศจนพุงกางกันไปแล้ว ก็ออกตระเวนเที่ยวเล่นชมย่านเมืองเก่า อาคารสไตล์ชิโนโปรตุกีสสีพาสเทลสุดเก๋ ที่อยู่คู่กับร้านค้า ร้านอาหารเก่าแก่ของเมือง พร้อมถ่ายรูปชิค ๆ กับภาพวาดบนฝาผนังแนวสตรีทอาร์ทสุดฮิป เดินเที่ยวเล่นได้สักพักจนอาหารในท้องเริ่มย่อยได้ที่ เราก็ย้ายไปชิลล์ริมหาดยังจุดหมายปลายทางต่อไป คือ หาดกะรน
หาดกะรน เป็นชายหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของภูเก็ต หาดทรายสีขาว เม็ดทรายละเอียดนุ่มเท้า และเป็นชายหาดที่ยาวที่สุดของภูเก็ต ช่ยหาดทอดตัวยาวสุดสายตา แต่บริเวณหาดกะรนเป็นพื้นที่ ๆ มีคลื่นลมแรง ไม่เหมาะสำหรับกีฬาทางน้ำเท่าไหร่นัก แต่พวกเราชิลล์อยู่แล้วเพราะตั้งใจมานั่งเตียงชายหาด รับลมเย็น ๆ นอนเอนกายบนหาดทราย ตามสไตล์สาย beach อย่างเรากันอยู่แล้ว
นั่งเล่นรับลมเพลิน ๆ ได้อยุ่ 2 -3 ชั่วโมงเพลิน ๆ จนเกือบลืมเวลา ก็ใกล้ได้เวลาชมพระอาทิตย์ตกดินในจุดที่สวยที่สุดของภูเก็ตกันแล้ว แต่ระหว่างทางก่อนไปดูพระอาทิตย์ตกดิน เราขึ้นเนินเขาเตี้ย ๆ ที่กั้นพื้นที่ของชาดหาดกะรนให้มีลักษณะส่วนตัวแยกออกจากตัวเมืองซึ่งอยู่อีกฝั่งนึงของเนินเขา ที่จุดชมวิวมุมสูงหาดกะรน หรือจุดชมวิวสามอ่าว ไปถ่ายรูปสวย ๆ ในมุมสูงกันก่อน เพราะยังพอมีเวลาเหลือ หลังจากเช็คเวลาพระอาทิตย์ตกดินของวันนี้มาอย่างดีแล้ว ที่จุดชมวิวหาดกะรน สามารถมองเห็นวิวอ่าวมุมสูงได้ทั้ง หาดกะรน หาดกะตะ และหาดกระตะน้อย กับตัวอ่าวที่เว้นแหล่วงสวยงาม จากจุดนี้จะเห็นชายหาดเป็นสีขาวนวลชัดเจน ตัวกับน้ำทะเลสีเทอร์ควอยซ์ที่ค่อย ๆ ไล่เฉดเข้มขึ้นเข้าไปในตัวทะเลลึก ถ้าโฟกัสเฉพาะ 2 หาดสุดท้าย คือหาดกะตะ และหาดกะตะน้อย จะมีรูปร่างแอบคล้ายรูปหัวใจเล็ก ๆ จุดชมวิวนี้อยู่บนเส้นเส้นทางไปยังแหลมพรหมเทพ ซึ่งเป็นปลายทางต่อไปของเราพอดี หลังจากสูดอากาศบริสุทธิ์ และถ่ายรูปกันจนพอใจ เราก็ไปต่อกันที่ แหลมพรหมเทพ เพื่อไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่แรกในเมืองไทยกันเลย
เรามาถึงที่ แหลมพรหมเทพ เป็นเวลาก่อนพระอทิตย์ตกดินประมาณครึ่งชั่วโมง ซึ่งเป็นเวลาที่กำลังเพอร์เฟ็คที่จะได้ชื่นชมความอัศจรรย์ของแสงแดดอ่อน ๆ ที่ค่อย ๆ เปลี่ยนสีไล่เฉดจากสีส้ม เป็นสีแดง และกลายเป็นสีแดงอมม่วง ในเสี้ยวนาทีสุดท้ายก่อนพระอาทิตย์จะลับเส้นขอบฟ้าพอดี เราเดินเล่น ถ่ายรูป ชมวิว และดื่มด่ำกับทัศนียภาพอันสวยงามตระการตาที่ แหลมพรหมเทพ จนกระทั้งพระอาทิตย์ลาลับเส้นขอบฟ้าไป
ก็ได้เวลาสำหรับมื้อค่ำแล้ว เราเคลื่อนตัวไปทางอาหารทะเลที่ร้าน Sunset Bay หาดป่าตอง ทานอาหารทะเลแบบซีวิว ชมวิวและรับลมทะเลเย็น ๆ ของหาดป่าตอง หลังจากทานอาหารจนพุงกางแล้ว ก็เลยไปเดินเล่น แอบแวะช้อปปิ้งซื้อของที่ห้าง JUNG CEYLON นิดหนอยและแฮงก์เอ้าท์ฟังเพลงต่อที่ในบริเวรหาดป่าตองเลย ไม่ดึกนักเราก็เดินทางกลับเข้าที่พัก เพื่อพักผ่อน เตรียมร่างกายสำหรับรับวิตามิน Sea แบบเต็มวันในวันพรุ่งนี้
หากใครวางแผนเที่ยวภูเก็ต แต่ไม่อยากเช้ารถ หรือขับรถเองและสนใจ Day trip ในตัวเมืองภูเก็ตพร้อมแวะชายหาด และดูพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพ ล่ะก็ Traveloka ช่วยคุณได้ เพียงคลิกที่นี่ ดูกิจกรรมและทัวร์ในภูเก็ต ที่มีทุกแบบทุกสไตล์ให้เลือกสรร
Day # 2 ตะลุยหมู่เกาะ ชมอ่าว Boat trip ดำน้ำดูปะการังและฝูงปลา ในทะเลอันดามัน
สำหรับวันที่สองนี้ เป็นวันแห่งการบ่มผิวสีแทน (ที่จะขาว) ท่องทะเล ตะลุยเกาะ ผจญภัยท่องโลกใต้ทะเลดำน้ำแหวกว่ายชมปะการะง ดูฝูงปลาล้วน ๆ วันนี้เราเริ่มต้นการเที่ยวแต่เช้าเพราะต้องไป Stand by ที่ท่าเรือรัษฏาตั้งแต่ 7:30 น. ก่อนออกจากโรงแรมเราก็ชะโลมครีมกันแดดแบบพอกกันแทบหมดหลอดกันไว้ก่อน แถมยังหยิบ Sun Block ติดมือใส่กระเป๋า พกกันไปด้วยอีกคนละขวด โดยเราเลือก ทริปท่องเที่ยวเกาะรอก และเกาะห้าแบบไปช้าเย็นกลับ เพราะเป็นสองเกาะที่สวยมากจากการล่องท่องอินเตอร์เน็ตหาข้อมูลก่อนมา และยังไม่มีผู้ร่วมทริปคนไหนเคยไป สำหรับ One day Trip เกาะรอกและเกาะห้า by Love Andaman นี้เราจองล่วงหน้ากับ Traveloka มาก่อน เพราะเห็นว่าน่าสนใจมาก ระหว่างที่กำลังจองตั๋วเครื่องบินและที่พัก แถมราคาก็ไม่แพงด้วย แล้วก็ใช้ส่วนลดร่วมด้วยเหมือนเดินนั่นแหละ
ใครที่สนใจทัวร์และทริปชมเกาะ ดำน้ำ ท่องโลกใต้ทะเลในภูเก็ต ซึ่งมีทริปให้เลือกเยอะมาก ก็สามารถเข้าไปสำรวจรายละเอียดและราคากับ Travelokaได้เลย
8โมงก็ได้เวลาออกท่องทะเลอันดามันกัน เรือ Speed Boat พาเรามุ่งหน้าสู่เกาะรอกกันก่อน ระหว่างทางก็ชมท้องฟ้าสีฟ้าตัดกับเส้นขอบทะเลสีเทอร์ควอยซ์สวย ๆ พร้อมเกาะแก่งน้อยใหญ่ รูปร่างแปลกตาที่ผุดขึ้นมากลางทะเลไปเพลิน ๆ และแล้วก็มาถึงยังเกาะรอก
เกาะรอก กับสมญานาม “ราชินิแห่งอันดามัน” สวรรค์น้อย ๆ ที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์อย่างมากทั้งผืนป่าบนเกาะและโลกใต้ท้องทะเล กับชายหาดสีขาวอันโดดเด่น เนื้อทรายเม็ดเล็กละเอียดนุ่มละมุนเมื่อเท้าสัมผัส น้ำทะเลสีฟ้าใสกริ๊ง จนสามารถมองเห็นผืนทรายและปะการังสวย ๆ ใต้ท้องทะเลได้อย่างชัดเจน เราขึ้นเกาะ เดินเล่น เอนกายบนชายหาด ดูพาเหรดปูเสฉวนตัวน้อย แหวกว่ายน้ำทะเลสีฟ้าใสไปกับ ฝูงปลานีโม่ และทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกาะรอกตลอดช่วงเช้า แนวปะการังที่เกาะรอกกว้างมาก เรียกมีมีแนวปะการังที่สมบูรณ์ และฝูงปลานีโม่ และปลาอื่น ๆ ทั่วทุกทิศทุกทาง แบบที่ไม่ต้องมุงแย่งกันดูเลย จนถึงเวลาอาหารเที่ยงก็ทานมื้อเที่ยงบนเกาะรอก เสร็จแล้วก็ถึงเวลาไปต่อยังเกาะห้าแล้ว แม้ว่าจะฟินเว่อร์กับความงามของธรรมชาติเบื้องหน้าจนไม่อยากไปต่อ แต่ก็ต้องไปแล้วสินะ อิดออดอยู่สักพัก ก็ได้ยินไกด์บอกมาว่าเกาะห้า ก็สวยไม่แพ้กัน เลยรีบกระโดดขึ้นเรือกันมาแบบด่วน ๆ เลย
จากเกาะรอก เดินทางมาเกาะห้าใช้เวลาเพียง 30 นาที สำหรับที่ เกาะห้า นี้เราไม่ได้ขึ้นเกาะ เพียงแค่แวะจุดดำน้ำตื้นที่เกาะห้า ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในจุดดำน้ำตื้นที่ดีที่สุดของเมืองไทย ทันทีที่กระโจนตัวออกจากเรือ แล้วดำดิ่งลงสู่โลกใต้ทะเลเท่านั้นแหละ ก็เชื่อทันทีเลยว่า จุดดำน้ำตื้นที่เกาะห้า คือที่ ๆ ดีที่สุดของเมืองไทย เพราะธรรมชาติยังบริสุทธิ์ ปะการังสีสันสดใสยังคงสมบูรณ์และมีบริเวณกว้างมาก รวมไปถึงเจ้าปลาสีสันสดใสก็แหวกว่ายหยอกล้อแนวปะการังอ่อนละลานตาเต็มท้องทะเลไปหมด หลังจากดำน้ำชมความงามใต้ทะเลเพลินจนเกือบลืมโลกภายนอก รู้ตัวอีกทีก็ค้นพบว่าการว่ายน้ำท้าคลื่นลมทะเลนี่ก็เหนื่อยใช้ได้เลยทีเดียว ขึ้นมานั่งพักชมวิวน้ำทะเลใส ๆ ตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าสดสักพักนึง ก็ได้เวลเดินทางกลับเข้าฝั่งพอดี ตลอดทางกลับเข้าฝั่งก็เพลิดเพลินกับวิวท้องทะเลสวย ๆ แบบเหนื่อยหมดสภาพกันไป จนกลับถึงที่พักก็เป็นเวลาเกือบ ๆ 5 โมง อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัว แล้วก็แอบเอนหลังลงบนที่นอนนุ่ม ๆ กันอยู่สักพัก ก่อนเสียงท้องร้องจะขุดร่างที่หมดพลังจนเกือบจะพังขึ้นจากเตียงมาเพื่อออกไปทานมื้อเย็น
ส่วนใครที่ตรึงตาติดใจกับรูปเกาะรอก และเกาะห้าของภูเก็ต อยากจะออกไปผจญภัยใต้ทะเลอันดามันกันบ้างละก็ คลิกที่นี่ จองทัวร์ดำน้ำ และกิจกรรมในภูเก็ตกับ Traveloka ได้เลย
ในส่วนของมื้อเย็น เรามาดินเนอร์กันที่ร้าน White Box Restaurant ร้านอาหารบรรยากาศดีอีกร้านนึงที่อยู่ติดชายหาดกะหลิม ก็ยังไม่หนำใจกับวิวทะเลอ่ะนะ มื้อเย็นก็ต้องมานั่งชิลล์ ฟังเสียงคลื่น รับลมชมทะเลสีดำยามค่ำคืนกันต่ออีกนิดนึง ก่อนจะกลับเข้าที่พักแบบร่างเกือบไร้วิญญาณ
Day # 3 ล่องเรือใบคาตามารันใช้ชีวิตติดหรูๆสไตล์ Luxury บนเรือยอร์ช สู่เกาะเฮ และเกาะราชาใหญ่
วันที่สาม วันสุดท้ายแล้วของทริป มาภูเก็ตฉบับเน้นเที่ยวทั้งที จะเที่ยวอยู่แค่ 2 เกาะมันก็ไม่ได้ แต่จะให้ลุยแบบหมดพลังเหมือนวันที่สองมันก็ไม่ไหว เราจึงเลือกเที่ยวหรูแบบชิลล์ ๆ กับการ ล่องเรือใบคาตามารัน ที่เราจอง package ล่วงหน้าก่อนเดินทางจาก Traveloka เจ้าเดิม เพิ่มเติมคือมีส่วนลดอีกนั่นแหละ เรียกว่าทริปนี้จบครบที่ Traveloka ที่เดียวเลย ง่าย ๆ สบาย ราคาก็ดีอ่ะนะ
ทริปล่องเรือยอร์ชสุดหรู สำรวจทะเลอันดามันที่ภูเก็ต กับ Travelok คลิกที่นี่
วันสุดท้ายนี้เราตื่นได้สาย ๆ หน่อย ทานอาหารเช้ากับ ไลน์บุพเพ่ต์อาหารเช้าของโรงแรม เดินเล่นชิลล์ ๆ ย่อยอาหารรอบบริเวณโรงแรมก่อน แล้วจึงกลับเข้าห้องพัก อาบน้ำ แต่งตัว พร้อมเก็บกระเป๋าเตรียมตัว Check – out ออกจากที่พักไปเลย ประมาณ 11:00 น. เมือ่ทุกพร้อม Check –out เรียบร้อย เราก็ให้รถของโรงแรมมาส่งที่ท่าเรืออ่าวฉลอง เตรียมตัวออกเดินทางกับทริปสุดหรูของวันนี้
มาถึงท่าเรืออ่าวฉลอง เราก็ฝากสัมภาระไว้ที่ท่าเรือ ไม่ต้องเอาลงเรือไปด้วยให้เกะกะ แล้วก็เดินตัวปลิวพร้อมกล้องถ่ายรูปคู่ใจที่ขาดไม่ได้ขึ้นเรือ พร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่กับการล่องเรือยอร์ชครั้งแรกกัน พอขึ้นเรือมาบุ๊ปก็มีเครื่องดื่มค็อกเทลสีสวนคอยต้อนรับให้สมกับความ Luxury style กันก่อนเลย พอเที่ยงก็ได้เวลาออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ เกาะเฮ ระหว่างการเดินทางสู่เกาะเฮ บนเรือก็มีบริการบุพเพต์อาหารนานาชาติ และเครื่องดื่ม พร้อมดีเจเปิดเพลง ให้ทานอาหารเที่ยวเคล้าคลอเสียงดนตรี พร้อมทิวทัศน์อันสวยงามของเกาะแก่ง และท้องทะเลอันดามันไปพร้อม ๆ กัน เรียกว่า ได้อิ่มทุกประสาทสัมผัสไปในเวลาเดียวกันเลย คือทั้งอิ่มท้อง อิ่มตา และอิ่มหู นี่มันสวรรค์ชัด ๆ หลังจากอิ่มกับมื้อเที่ยง และพักเพลินตากับวิว และเสียงเพลงบนเรือได้สักพักเดียว เราก็มาถึงเกาะเฮกันแล้ว
เกาะเฮ หรือ คอรัลไอส์แลนด์ เป็นเกาะเล็ก ๆ ทางตอนใต้สุดของภูเก็ต ที่ยังคงมนต์เสน่ห์แห่งไข่มุกอันดามันไว้ได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งโลกใต้ท้องทะเล และผืนป่าบนเกาะ บนเกาะมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติซึ่งเราสามารถพบนกเงือกที่หายากได้อย่างใกล้ชิดที่นี่อีกด้วย และเจ้านกเงือกแสนน่ารักนี่เอง ที่เป็นสัญลักษณ์ทางธรรมชาติที่การันตีความอุดมสมบูรณ์ของป่าบนเกาะเฮแห่งนี้ แต่สาย Beach สายร่างกานต้องการ Vitamin SEA อย่างพวกเรา ก็ขอผ่านการเดินป่า ปีนเขา ชมธรรมชาติไปตามระเบียบ กลับมาที่โลกใต้ท้องทะเลของเจ้าเหล่าปลาการ์ตูนกันบ้าง นอกจากความสวยงามที่เห็นได้ชัดของกาะเฮอย่างชาดหาดสีขาวที่ทอดตัวยาวตลอดเกาะ ทรายเม็ดละเอียดเล็กสีขาว นุ่มสบายเท้า และน้ำทะเลสีฟ้าอมเขียวใสจนเห็นทะลุน้ำทะเลไปถึงผืนทรายเบื้องล่างแบบชัดแจ๋วแล้ว ใต้ทะเลอันดามันที่เกาะเฮ ยังคงมีแนวปะการังทั้งอ่อน และแข็งที่กิยบริเวณกว้าง ทั้งยังอุดมสมบูรณ์ สีสันสดใส ทั้งปะการังสมอง ปะการังผักกาด ปะการังเขากวาง และปะการังจาน พร้อมไปกับฝูงปลานานาชนิดนับพันตัว ไม่ว่าจะเป็น ปลาผีเสื้อ ปลาโนรี ปลานกแก้ง ปลาสินสมุทร และพระเอกสุดน่ารักที่ขาดไม่ได้อย่าง ปลาการ์ตูน ที่สววรค์บนเกาะเฮนี้ เล่นเอาทั้งเล่นน้ำ ดำน้ำ ถ่ายรูปเพลิดไปกับธรรมชาติ เกือบลืมความหรูหราบนเรือไปได้เลยเหมือนกัน ยังมีกิจกรรมอีกมากให้เลือกเล่นกันด้วย อาทิเจ็ตสกี บานาน่าโบ๊ต พาราเซล เรือลากร่ม และ Sea Walker
แล้วเราก็ได้เวลากลับขึ้นเรือสู่สวรรค์แห่งสีสันที่ลอยบนผืนน้ำได้ของเรากันแล้ว หลังจากลาจากเกาะเฮออกมาแล้ว กัปตันก็พาเราล่องเรือสู่เกาะราชา
เกาะราชา อีกหนึ่งเกาะทางตอนใต้ของภูเก็ต อยู่ห่างจากภูเก็ตประมาณ 20 กิโลเมตร เป็นเกาะขนาดใหญ่มีเนื้อที่ประมาณ 2,700 ไร่ ซึ่งเป็นเนินเขา สวนมะพร้าว และชายหาดที่สวยงามไม่แพ้เกาะเฮ ประกอบไปด้วย 5 อ่าว ได้แก่ อ่วปะตก อ่าวสยาม อ่าวหลา อ่าวทือ และอ่าวขอนแค ซึ่งเป็นจุดดำน้ำตื้นอันสวยงามของเกาะราชา เราแวะดำน้ำตื้นชมความงามของปะการัง และโลกใต้ทะเลที่เกาะราชาอยู่ได้สักพักใหญ่ ก็อำลาเกาะราชา มุ่งหน้าเพื่อกลับเข้าฝั่งภูเก็ต โดยระหว่างทางที่มุ่งหน้ากลับสู่ท่าเรืออ่าวฉลอง เราก็ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าอันแสนโรแมนติกของแหลมพรหมเทพ ในมุมมองใหม่จากบนเรือยอร์ชซึ่งก็สวยไม่แพ้มุมจากบนฝั่ง แต่ Chic & Cool กว่าเยอะ นับเป็นบรรยากาศแสนคลาสสิค และโรแมนติกอันเป็นภาพสุดท้ายสำหรับปิดฉากทริป “3 วัน 2 คืนเที่ยวภูเก็ตฉบับเน้นที่เที่ยว” ของเราไปอย่างงดงาม
หลังจากขึ้นฝั่งท่าท่าเรืออ่าวฉลอง รับกระเป๋าและสัมภาระที่ฝากไว้ที่ท่าเรือ เราก็มุ่งหน้าสู่สนามบิน เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับสู่มหานครกรุงเทพ พร้อมความอิ่มเอม และประทับใจแบบไม่รู้ลืมของทริปนี้กันไปแบบที่ระหว่างทางผู้ร่วมทริปทุกคนแทบไม่ได้คุยกันเลย เพราะยังคงฟินกับทัศนียภาพทริปภูเก็ตที่เพิ่งจากมา