วันอังคาร, พฤศจิกายน 26, 2024
Travel

ย่างกุ้ง หงสาวดี อินทร์แขวน

สวัสดีจ้า เราจะพาเพื่อนๆไปเที่ยวบ้านใกล้เรือนเคียง AEC ของเรา นั้นคือ…ประเทศเมียนม่า โดยการเดินทางครั้งนี้ผมใช้เวลาเดินทาง 3 วัน 3 คืน โดยเราจะไปเมืองย่างกุ้ง(yangon) เมืองหงสาวดี (Bago or Hanthawaddy)  และไหว้พระธาตุอินแขวน ที่เมืองไจ๊โถ่ (Kyaikto) เนื่องจากการเดินทางครั้งนี้ผมพาครอบครัวไปด้วยเลยอยากให้เดินทางสะดวกนิดนึง ผมเลยเหมารถ VAN 7 ที่นั่ง ตกวันละประมาณ 2700 บามรวมน้ำมันแล้ว ถือว่าราคาโอเคร สะดวกสบายเลยครับ โดยการทำแพลนเที่ยวไปเองแล้วให้คนขับรถพาเราไปตามแพลนได้เลยครับ 

ฝากบ้านของผมใน FB ด้วยนะครับ http://www.facebook.com/phephatiew

โปรแกรม : เราบินจากสนามบินดอนเมืองเย็นๆ ไปถึงย่างกุ้งมืดๆ เพื่อให้ได้มีเวลาเที่ยวมากที่สุด ตื่นเช้าแล้วเที่ยวได้เลย คืนนี้เข้าที่พักใกล้กับเจดีย์ชเวดากอง โรงแรม Hotel lavender วิวดีโคตรๆ สามารถมองเห็นเจดีย์จากที่พักๆได้เลยจ้า

DAY 1 : เมืองหงสาวดี ไปนอนที่เมืองที่เมืองไจ๊โถ่ (Kyaikto) พระธาตุอินทร์แขวน

>>เดินตลาดเช้าหน้าโรงแรม Hotel lavender 

>>เจดีย์ชเวมอดอร์หรือพระธาตุมุเตา 

>>พระราชวังกัมโพชธานีหรือพระราชวังบุเรงนอง

>>พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียวหรือพระนอนยิ้มหวาน

>>พักที่โรงแรม Family Guest House ใกล้กับจุดขึ้นรถบรรทุกไปพระธาตุอินทร์แขวน

DAY 2 พระธาตุอินแขวน เก็บตกเมืองหงสาวดี แล้วกลับมานอนย่างกุ้ง

>>พระธาตุอินทร์แขวน

>>ไหว้พระไจ้ท์ปอลอ (kyaikpawlaw) พระไฝ่เลื่อน

>>เจดีย์ไจ๊ปุ่นหรือพระ 4 ทิศ

>>เจดีย์สุเล

>>เดินชิลถ่ายภาพ street ตลาดเย็นที่ย่างกุ้ง 

>>ข้าพักที่โรงแรมใกล้เจดีย์สุเล

DAY 3  เที่ยวในเมืองย่างกุ้งทั้งวันบินกลับกรุงเทพเย็น

>>ตื่นแต่เช้าไปไหว้เจดีย์ชเวดากอง

>>เดินตลาดเช้า 26th street

>>เจดีย์โบตะตาวไหว้พระทองคำไหว้เทพทันใจ

>>หมู่บ้านชนเผ่าพม่า Myanmar National Races Village

>>วัดงาทัตจี Nga Htat Gyi

>>พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี — Kyauk Htat Gyi Reclining Buddha

>>เจดีย์กาบาเอ้ (Kabar Aye Pagoda)

>>วัดชเวตอเมียต

มาเข้าเรื่องแบบเต็มๆกันเลยดีกว่า เริ่มจากเราเดินทางโดยเครื่องบินไปลงย่างกุ้ง ซึ่งมีหลายสายการบินบริการใช้เวลาแค่ชั่วโมงนิสๆก็ถึงย่างกุ้ง เมืองหลวงเก่าของประเทศเมียนม่าแล้ว ผมเลือกที่บินตอนเย็นเพื่อไปพักผ่อนก่อนแล้วจะได้เริ่มเที่ยวตั้งแต่เช้า เราถึงย่างกุ้งประมาณ 2 ทุ่ม เรานัดกับรถที่เราเหมาไว้ 3 วัน 3 คืน วันละ 2700 บาทรวมน้ำมันแล้ว ที่ Yangon International Airport รถที่ใช้เป็น Toyota Toyota Alphard นั่งสบายๆเลยครับ คืนนี้เราเข้าพักที่ Hotel lavender โรงแรมวิวเจดีย์ชเวดากอง

ถึงโรงแรมพอดีวัดใกล้ๆโรงแรมมีงานพอดี ได้มีโอกาสเดินเล่นเก็บบรรยากาศงานวัดของพม่ามาฝากด้วย บรรยากาศคล้ายๆบ้านเรา มีของกิน มีเครื่องเล่น มีซุ้มเล่นต่างๆ มีปาโป่ง มีดีดหนังยางเอาบุหรี่ด้วยเว้ยย อย่างเท่เลยครับ 

DAY 1 ของเราตื่นแต่เช้าลงไปเดินเล่นตลาดเช้าที่บริเวณหน้าโรงแรม ชมวิถีชาวเมียนม่ากันหน่อย 

แล้วขึ้นมาทานอาหารเช้าที่โรงแรม อาหารก็จะเป็นไข่ดาว ใส้กรอก ข้าวผัด ผัดหมี่ แต่วิวโคตรดีอ่ะเธอ ทานอาหารเช้าแล้วนั่งมองเจดีย์ชเวดากองไปด้วย เริ่มต้นทริปแบบฟินๆเลยจ้า

วันนี้เราจะเดินทางออกนอกเมืองย่างกุ้งก่อน เพื่อไปเมืองหงสาวดี และไปนอนที่ “คิมปูน แคมป์ (Kimpun Camp)” เชิงเขาของพระธาตุอินทร์แขวน ออกเดินจากเมืองย่างกุ้งประมาณ 9 โมง มุ่งหน้าสู่ “เจดีย์ชเวมอดอร์หรือพระธาตุมุเตา”  ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1.5 ชั่วโมง

เราจะซื้อบัตรเข้าชมแบบเข้าชมได้ทุกที่ในเมืองหงสาวดี ราคา 10000 จ๊าด เข้าได้ทุกที่เลย

เจดีย์ชเวมอดอร์ (เจดีย์พระธาตุมุเตา) คือ เจดีย์ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่สำคัญของเมืองหงสาวดี เป็นมหาเจดีย์เก่าแก่ยาวนานกว่า 2,000 ปี ตั้งอยู่กลางเมืองหงสาวดี   พม่าเรียกพระธาตุมุเตาว่า ‘ชเวมอดอ’ ซึ่งหมายถึง มหาเจดีย์พระเจ้าทองคำ  เป็นเจดีย์ 1 ใน 5 ของเจดีย์ชื่อดังและมีความยิ่งใหญ่ที่สุดในพม่านั่นเองครับ   ด้วยความที่เป็นเจดีย์ที่โด่งดังจึงมีผู้คนแวะเวียนไปสักการบูชาอย่างไม่ขาดสาย ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

พระธาตุมุเตาเป็นพระธาตุที่สูงที่สุดของพม่าซึ่งมีความสูงถึง 114 เมตร ซึ่งเป็นต้นเหตุของชื่อพระธาตุมุเตา เพราะพระธาตุมุเตาสูงจนต้องแหงนหน้าจนเมื่อยคอ ถึงจะมองเห็นยอดพระธาตุ จึงเป็นเหตุให้แสงแดดที่แรงกล้าเผาจมูกจนแสบร้อน ซึ่งคำว่า จมูกร้อนในภาษามอญเรียกว่า “มุเตา” นั่นเองครับ

ลืมบอกไป การเดินทางครั้งนี้ผมมีลูกน้องชาวพม่า เชื้อสายมอญ เดินทางด้วย เค้าเล่าให้ฟังว่า เคยเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว ทำให้ยอดของพระธาตุมุเตาหักพังลงมา  แต่สิ่งที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมากก็คือ เมื่อยอดพระธาตุหักลงมาแต่องค์พระธาตุนั้นไม่หักลงถึงพื้น จึงเป็นความเชื่อของประชาชนทั้งชาวพม่าและชาวไทยว่า……**เทคนิคการไหว้** หากใครได้ไปกราบไหว้องค์พระธาตุแล้วได้เอาไม้ไปค้ำไว้กับยอดพระธาตุที่หักลงมาแล้วเอาหน้าผากไปแตะกับยอดองค์พระธาตุที่หักลงมาจะทำให้ชีวิตของคนคนนั้นไม่ว่าจะถึงช่วงชีวิตที่ตกต่ำยังไงเราก็ยังไม่ตกต่ำถึงที่สุดก็เปรียบเหมือนยอดพระธาตุที่ต่อให้ตกยังไงก็ตกไม่ถึงพื้นและทำให้ชีวิตของคนนั้นมีความมั่นคงถาวรนั่นเองครับ

จุดหมายต่อไปของเราอยู่ที่ พระราชวังบุเรงนอง เมืองหงสาวดี ห่างจากเจดีย์ชเวมอดอร์ ไม่ไกลแค่ 1 กิโลเองครับ 

หากพูดถึง กษัตริย์ ที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเมืองหงสาวดีและชาวพม่าแล้วก็เห็นจะไม่มีกษัตริย์พระองค์ไหนโดดเด่นไปกว่า พระเจ้าบุเรงนอง หรือที่คนไทยรู้จักในดีคือ “ผู้ชนะสิบทิศ” เป็นกษัตริย์ผู้สร้างเมืองหงสาวดีให้เจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก โดยพระองค์ได้สร้างพระราชวังบุเรงนอง เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางทางการปกครองและใช้ออกว่าราชการ พระนเรศวรก็เคยประทับที่นี่ในระหว่างที่พระองค์ทรงเป็นองค์ประกัน

พระราชวังบุเรงนองที่เราได้เข้าชมอยู่ทุกวันนี้ ได้ถูกสร้างขึ้นใหม่บนที่เดิมแล้ว หลังจากที่ได้มีการขุดค้นและพิสูจน์แล้วว่าเคยเป็นวังเก่าจริง  เมื่อเพื่อนๆได้เดินสำรวจดูโดยรอบแล้ว จะคิดเหมือนกันว่า น่าเสียดายยิ่งนักที่พม่า ไม่สนับสนุนในการที่จะสร้างต่อเพื่อทำประวัติศาสตร์ให้กลับมาเล่าเรื่องอย่างมีชีวิตครับ เราจึงได้เห็นสถานที่สำคัญที่หลงเหลืออยู่เพียงเท่าที่เห็น ทั้งที่จริงน่าจะยิ่งใหญ่มากๆ

จุดหมายต่อไปของเรา พระพุทธไสยาสน์ “ชเวตาเลียว” (Shwethalyaung) ห่างจากพระราชวังบุเรงนองประมาณ 4 กิโลเมตร 

เป็นพระนอนที่สวยงามที่สุดในพม่า ถึงแม้จะไม่ใหญ่เท่าพระพุทธไสยาสน์เจ้าทัตจีที่ย่างกุ้ง แต่ความงามนั้นสวยงามกว่า โดยพระบาทนั้นจะวางเหลื่อมพระบาทครับ  ซึ่งจะเป็นลักษณะที่ไม่เหมือนกับพระนอนของไทยเรา แต่เป็นศิลปะที่สวยงามอีกแบบที่น่าสนใจครับ

ที่วัดพระนอน “ชเวตาเลียว” แห่งนี้ยังมีตลาด สำหรับเป็นทางเลือกให้กับนักช้อป โดยเฉพาะงานไม้เกาะสลักต่างๆ เสื้อผ้า โสร่งหญิงชาย งานหยก แป้งทานาคา และอื่นๆ มากมายครับ

“ร้านหมากด่วน” อยู่ทุกตารางเมตรในเมืองต่างๆ ใครอยากจะเคี้ยวเมื่อไหร่ แค่เหลียวซ้ายแลขวาก็เจอ เรียกได้ว่าเป็นวิถีชีวิตส่วนหนึ่งชนิดที่ขาดไม่ได้ของชาวพม่า หาได้ง่ายพอๆ กับร้านส้มตำบ้านเรา ขนาดของร้านจะค่อนข้างกะทัดรัด มีอุปกรณ์สำคัญคือโต๊ะเล็กๆ บนโต๊ะมีขวดและกระปุกเครื่องปรุงรสหลากหลายให้เลือกสรร สิ่งที่ขาดไม่ได้ คือใบพลูสีเขียวสดวางเรียงเป็นชั้น เมื่อลูกค้ามาสั่งซื้อใบพลูจึงถูกนำมาวางเรียงทีละใบแล้วปรุงรสตามความต้องการของลูกค้า

ข้าวแกงพม่า ขอเรียกสั้นๆแบบนี้ เพราะเหมือนร้านข้าวแกงบ้านเราเป็นกับข้าวให้เลือกหลายๆอย่างทั้ง หมูสามชั้นต้มเค็ม ไก่หรือหมูหรือกุ้งหรือแพะจะเน้นเนื้อสัตว์เป็นหลัก ไม่ใส่ผักลงไปในแกงและเน้นหนักไปที่น้ำมันและเครื่องเทศ วิธีสั่งกับข้าวที่เราต้องการ 2-3 ถ้วย เค้าจะเสิรฟพร้อมกับผักสดเหมือนร้านข้าวแกงใต้บ้านเรา พริกน้ำปลา กะปิ กินกับข้าวเปล่า แถมเสริฟน้ำซุปถั่วมาคนละถ้วย

หลังจากเราเที่ยวในหงสาวดี ทานข้าวเรียบร้อย เรามุ่งหน้าสู่คิมปูน แคมป์ (Kimpun Camp) เชิงเขาของพระธาตุอินทร์แขวน ใช้เวลาการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง กว่าจะถึงก็เย็นแล้วครับ พวกเราพักที่โรงแรมFamily Guest House ใกล้จุดขึ้นรถไปพระธาตุอินแขวนเลย จบ DAY 1 แล้วครับ พรุ่งนี้เราจะขึ้นไปไหว้พระธาตุอินทร์แขวนแต่เช้ามืด คืนนี้รีบนอนเอาแรงครับ

DAY 2 เช้านี้เราตื่นแต่ตี 4 เพื่อไปขึ้นบรรทุก 6 ล้อขึ้นพระธาตุอินทร์แขวน รถบรรทุกขึ้นเขาไปถึง Kyaiktiyo ราคา 2,500 kyat (ต้องเบียดแย่งกับคนพม่าซักหน่อย) เมื่อลงจากรถบรรทุกแล้วจะต้องเดินไปอีกประมาณ 800 เมตรจึงจะถึงพระธาตุอินทร์แขวน โดนจะมีด่านเก็บเงินค่าเข้า (เฉพาะชาวต่างชาติ) คนละ 10,000 kyat อยู่ที่หน้าโรงแรม Mountain Top Hotel

พระธาตุอินทร์แขวน (golden rock) อัศจรรย์แห่งสมดุลประเทศพม่า บนยอดเขาพวงลวง ลักษณะเด่นคือ เป็น หินสีทอง ขนาดใหญ่ แต่อัศจรรย์ใจตรงฐานที่ตั้ง อยู่บนหน้าผาสูงชันอย่างหมิ่นเหม่ ท้าทายแรงดึงดูดของโลก ช่างเหลือเชื่อ ถือเป็นการวางน้ำหนักที่สมดุล โดยมีธรรมชาติเป็นผู้สร้างสรรค์

พุทธตำนานเล่าว่า ฤๅษีติสสะ เป็นผู้หนึ่งที่ได้รับพระเกศาจากพระพุทธเจ้า ที่ทรงมอบให้ไว้เป็นตัวแทนของพระพุทธองค์ให้ประชาชนสักการะ เมื่อครั้งมาแสดงธรรมเทศนา ณ ดินแดนสุวรรณภูมิ ผู้ที่ได้รับมอบพระเกศาต่างก็นำไปบรรจุในสถูปเจดีย์ แต่ฤๅษีติสสะกลับซ่อนไว้ในมวยผม เมื่อเวลาล่วงเลย ถึงคราวที่ฤๅษีติสสะจะต้องละสังขาร  จึงตั้งใจไว้ว่าจะนำพระเกศาไปบรรจุไว้ในก้อนหินที่มีรูปร่างคล้าย “ศีรษะของเขา” ท้าวสักกเทวราช (พระอินทร์) จึงช่วยแสวงหาก้อนหินดังกล่าวจากใต้มหาสมุทร และนำมาวางไว้บนภูเขาหิน

ขากลับจากพระธาตุอินทร์แขวนเราก็ใช้ใหม่ครับ คือ Cable Car ที่ค่อนข้างสบายกว่า จ่ายไปอีก 7,000 kyat ข้อดีคือไม่ต้องไปเบียดแย่งที่นั่งกับคนพม่า เพราะเรามีผู้สูงอายุไปด้วยครับ เลือกทางสบายดีกว่า ได้ชมวิวด้วย เนื่องด้วยคนเยอะมากและแย่งกันขึ้นรถบรรทุก โดยเมื่อถึง Cable Car Lower Station แล้ว เราเดินลงเขามาอีก 200 เมตรเพื่อขึ้นรถบรรทุกอีกสถานี  และจ่ายอีก 1,500 kyat รถจะไปส่งที่สู่คิมปูน แคมป์ (Kimpun Camp) เชิงเขาของพระธาตุอินทร์แขวน 

หลังจากลงมาจากพระธาตุอินทร์แขวนสายๆ แล้วอาบน้ำ ทานข้าว แล้วออกเดินทางต่อไป วัดพระไฝเลื่อนไจ้ท์ปอลอ (Kyaikpawlaw Buddha) ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจากคิมปูนแคมป์

วัดไจ๊ป๋อรอ หรือ วัดพระไฝเลื่อน ซึ่งมีอายุมากกว่า 2,000 ปี โดยมีเรื่องเล่าที่น่ามหัศจรรย์เป็นอย่างมาก คือได้มี รายการ National Geographic Society มาทำการถ่ายทำที่วัดไจ๋ป๋อรอหลายครั้งแต่กลับพบบริเวณตำแหน่งไฝที่หน้าผากจะไม่ตรงกันเลยสักครั้ง จะเลื่อนได้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่เรียกวัดนี้เป็นอีกชื่อหนึ่งว่า วัดพระไฝเลื่อนนั้นเอง

ขาไปเรายังเก็บที่เที่ยวเมืองหงสาวดีไม่หมด ขากลับเราเลยมาเก็บเพิ่ม คือ พระเจดีย์ไจปุ่น (Kyaikpun Pagoda) ใช้เวลาการเดินทางจากวัดพระไฝ่เลื่อนประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ 

พระเจดีย์ไจปุ่น(Kyaikpun Pagoda) นั้นมีอายุนาว 500กว่าปี เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ 4 องค์หันพระพักตร์ไปทุกทิศทาง เหตุผลที่ต้องสร้างหันไปทุกทิศนั้นก็ เพราะแทนความหมายถึงพระพุทธเจ้าทั้งสี่พระองค์ในภัทรกัปนั่นเองครับ

มีตำนานเล่าว่า พระราชธิดาทั้งสี่องค์ของกษัตริย์มอญ ที่อุทิศตนแด่พุทธศาสนา  สร้างพระพุทธรูปแทนตนเองและได้สาบานไว้ว่าจะไม่ข้องแวะกับบุรุษเพศ ต่อมาน้องสาวคนสุดท้อง กลับพบรักกับชายหนุ่มและแต่งงานกัน จึงเกิดอาเพศฟ้าผ่าพระพุทธรูปที่แทนตัวของน้องสาวคนสุดท้องพังทลายลงมา จนต้องมีการสร้างขึ้นมาใหม่ตามที่เห็นในปัจจุบันครับ โดยพระพุทธรูปองค์นี้จะมีลักษณะแตกต่างจากองค์อื่น ๆ คือ จะเป็นศิลปะแบบพม่า ถ้าเพื่อนๆลองสังเกต พระพุทธรูปองค์นี้ พระพักตร์จะเศร้ากว่าองค์อื่นครับ

พอไหว้พระเสร็จเรามุ่งหน้ากลับสู่เมืองย่างกุ้ง คืนนี้จะนอนในเมือง แล้วพรุ่งนี้ Day 3 เราจะตะเวนเที่ยวในย่างกุ้งครับ 

เจดีย์สุเลมีนั้นมีอายุกว่า 2,000 ปีมาแล้วครับ ตั้งอยู่บริเวณใจกลางของกรุงย่างกุ้ง เมื่อประมาณ 200 ปีที่ผ่านมานั้นพระเจดีย์ถูกล้อมรอบไปด้วยน้ำ เจดีย์มีชื่อมอญครับ คือ Kyaik Athok หมายถึง ‘พระวิหารอันเป็นที่ประดิษฐานของพระเกศาธาตุ’ ซึ่งเชื่อกันว่าภายในมีเส้นพระเกศาของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประดิษฐานอยู่ที่นี่นั่นเองครับ

เจดีย์สุเล สีทองอร่าม (Sule Pagoda)   หรือ  สุเลพญา (Sule Paya) ตั้งอยู่ใจกลางเมือง  ถนนสายหลักทุกสายพุ่งเข้าหาเจดีย์แห่งนี้ นั่นเพราะว่าในสมัยที่อังกฤษครองพม่า ได้วางผังเมืองแบบ Victorian grid-plan โดยยึด เจดีย์สุเล เป็นศูนย์กลาง ถ้าไปดูแผนที่ตัวเมืองย่างกุ้ง จะเห็นว่าถนนตัดกันเป็นบล๊อคสี่เหลี่ยมแล้วมีเจดีย์สุเลอยู่ตรงกลาง .. สวยเป๊ะเชียวครับ

ถึงย่างกุ้งก็เย็นๆ หาที่พักใกล้ๆเจดีย์สุเล (Sule Pagoda) เข้าที่พักแล้วออกเดินเที่ยวถ่ายภาพ street ในเมือง กินหมูจุ่มพม่าของแท้อร่อยมาก เดินเล่นถ่ายภาพเพลินๆจนมืดเลยครับ หาของกินแถวๆ china town แล้วเข้าที่พักได้เลยจ้าา จบวันที่ 2 แบบแน่นๆเลยครับ

DAY 3 วันสุดท้ายของการเดินทางแล้วครับ วันนี้เราจะเที่ยวในเมืองย่างกุ้ง แล้วบินกลับกรุงเทพตอนมืดๆครับผม

เริ่มด้วยตื่นแต่เช้า ตี5 เราเดินทางไปไหว้เจดีย์ชเวดากองในยามเช้าที่ผมเลือกไปแต่เช้าเพราะคนจะน้อยแสงจะสวยและถือเป็นการทำบุญเริ่มวันใหม่กันยามเช้าจะมีพระเณรแม่ชีมากันแต่เช้านั่งสวดมนต์ดูศักดิ์สิทธิ์มากๆเลยครับ

พระเจดีย์ชเวดากองแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในโลกกันเลยก็ว่าได้  เมื่อมาถึงย่างกุ้ง สถานที่สวยงามแบบนี้  นักเที่ยวอย่างเราๆไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด 

เชื่อกันว่าเป็นมหาเจดีย์ที่บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวน 8 เส้น เป็น 1 ใน สถานศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวพม่านับถือมากที่สุด  ซึ่งเป็นเจดีคู่บ้านคู่เมืองของชาวพม่ามาราวๆ 2600 ปี ที่ชาวพม่าต้องสักการะให้ได้ครั้งหนึ่งในชีวิต  เพื่อสิริมงคลและเสริมบารมี

หลังจากอิ่มบุญกันแล้ว ต้องอิ่มท้องกันด้วย เรากลับมาแถวๆที่พักเดินตลาดเช้า 26th street ดูวิถีของชาวเมียนม่าในยามเช้ากัน แล้วเข้าไปเก็บของ ทานอาหารเช้าที่โรงแรม พร้อมออกเดินทางไปเที่ยวกันต่อ จุดหมายต่อไปของเราคือ เจดีย์โบตะทาว ไหว้พระทองคำ ไหว้เทพทันใจ

การเดินทางจากที่พักของเราใกล้เจดีย์สุเล ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ก็ถึงแล้วครับ

 เจดีย์โบตาทาวน์ เป็นสถานที่ศักดิ์อีกแห่งหนึ่งที่ชาวพม่าให้ความเคารพและบูชา เจดีย์โบตาทาวน์  แปลว่า เจดีย์นายทหารครับ ในยุดสมัยของพระเจ้าโอกะลาปะ กษัตริย์มอญนั่นเอง ได้ทรงบัญชาให้นายทหารระดับแม่ทัพนั้นตั้งแถวถวายสักการะ แด่พระเกศาธาตุ ที่นายวานิชสองพี่น้องอัญเชิญมาทางเรือ และมาขึ้นฝั่งเมืองตะเกิงหรือดากอง ณ บริเวณนี้นั่นเอง จึงสร้างเจดีย์โบดาทาวน์ ไว้เป็นที่ระลึกครับ พร้อมทั้งแบ่งพระพุทธเกศา 1 เส้น มาบรรจุไว้ ก่อนนำไปบรรจุในมหาเจดีย์ชเวดากอง และเจดีย์ที่สำคัญอื่นๆ 

เทพทันใจ (นัตโบโบจี) เทพผู้ปกปักรักษาและบันดาลโชคเทพทันใจเป็นอีกหนึ่งในสิ่งศักดิ์ที่ชาวพม่าให้การสักการะและนับถือเป็นอย่างมากครับรวมไปถึงคนไทยเองก็ยังให้ความเคารพและนับถือเป็นอย่างมากด้วยวิธีการสักการะรูปปั้นเทพทันใจ ( นัตโบโบจี ) เพื่อขอสิ่งใดแล้วสมตามความปรารถนาครับควรถวายจำพวกดอกไม้ผลไม้โดยเฉพาะมะพร้าวอ่อนกล้วยหรือผลไม้อื่นๆมาสักการะ

หากเป็นคนไทยเดินทางไปทำพิธีแนะนำให้เอาเงินบาทไทยและเงินจ๊าตพม่า แล้วนำธนบัตรไปใส่มือของเทพทันใจสัก 2 ใบ ไหว้ขอพรแล้วดึงกลับมา 1 ใบ เพื่อนำมาเก็บรักษาไว้ หรือเก็บไว้เป็นเงินสิ่งของบูชาเพื่อเสริมสร้างสิริมงคลให้แก่ตัวเองครับ จากนั้นก็ให้หน้าผากของตนเองไปแตะกับนิ้วชี้ของเทพทันใจ พร้อมกับการอธิฐานก็จะเกิดสิริมงคลแก่ชีวิต ขอพรได้ 1 อย่างเท่านั้นนะครับ

 เทพกระซิบ หรือที่ชาวพม่าเรียกว่า เมี๊ยะนานหน่วย มีเรื่องราวที่เขาเล่าขานกันมาอย่างยาวนานว่า นางเป็นธิดาของพญานาค ซึ่งมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก และมีการถือศีลอย่างเครงในการปฏิบัติธรรม สมัยก่อนจะมีคนเห็นนางมาทำบุญและนั่งสมาธิ ณ สถานที่แห่งนี้ทุกๆวัน การเคารพและบูชาเทพกระซิบ หรือ เมี๊ยะนานหน่วย นั้น จะบูชาด้วยน้ำนม ข้าวตอก และผลไม้ ครับ และกระซิบเพื่อขอพรท่าน ย้ำครับว่าต้องกระซิบนะซึ่งเมี๊ยยะนานหน่วยนั้นถือได้ว่าเป็นเทพที่ให้แต่พรและความโชคดีแก่ทุกๆคนที่มาขอพรนั่นเอง

เป็นยังไงกันบ้างครับ เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์กันแล้ว เที่ยวพม่าครั้งนี้ที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งแห่งที่ขอแนะนำเลยครับ

Myanmar National Races Village หมู่บ้านที่จำลองชนเผ่า 8 ชนเผ่าของพม่า เสียค่าเข้าคนละ 3000 จ๊าด สำหรับนักท่องเที่ยว เราจะเช่ารถจักรยานปั่นชม หรือใครจะเดินหรือนั่งรถรางก็ได้ครับ ได้ชมวิถี การดำรงชีพ การแต่งกาย ของชนเผ่าต่างๆที่มีอยู่ในพม่า ถือว่าดีเลยครับ

จุดหมายต่อไปวัดงาทัตจี Nga Htat Gyi ที่วัดนี้มีพระพุทธรูปทรงเครื่องกษัตริย์ปางมารวิชัยใหญ่เท่าตึก5ชั้นที่สวยงาม ถ้าใครดูหนังเรื่อง friend zone จะอ่อเลยครับ เพราะมีฉากหนึ่งที่ถ่ายทำที่วัดนี้ด้วย

จากวัดงาทัตจีแค่ข้ามฝั่งถนนก็เป็นวัดเจ้าทัตยี (Chauk Htat Gyi pagoda) มีพระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี  (Kyauk Htat Gyi Reclining Buddha) หรือพระตาหวานที่คนไทยรู้จักกันดี 

พระนอนที่ใหญ่ที่สุดและมีความงดงามที่สุดของประเทศพม่านั่นเองครับ ทั้งพระพักตร์และขนตาที่งดงาม ดวงตาของท่านเป็นแก้ว ที่สั่งผลิตมาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะรวมไปถึงพระจีวรที่มีความพริ้วไหวสมจริงและเมื่อเดินมายังปลายสุดพระบาทของพระนอนองค์นี้ ตรงที่พระบาทมีภาพวาดเป็นมิ่งมงคลสูงสุดครับ นั่นก็เพราะประกอบด้วยลายลักษณธรรมจักรนั่นเอง ในบริเวณใจกลางฝ่าพระบาทและล้อมด้วย รูปมงคล 108 ประการเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกหนึ่งแห่งที่ต้องไปให้ได้ครับ

จุดหมายต่อไปของเราเจดีย์กาบาเอ (KaBa Aye Pagoda) กรุงย่างกุ้งสันติภาพสู่พม่า

ตำนานการสร้างพระเจดีย์กาบาเอ มีเรื่องเล่าสืบต่อมาว่า…ในครั้งโบราณกาลมีพระภิกษุอยู่รูปหนึ่งนั่งสมาธิ อยู่ริมฝั่งแม่น้ำอิระวดี ต่อมามีชีปะขาวผู้หนึ่งนำลำไม้ไผ่ที่มีข้อความ จารึกอยู่เต็มไปหมดมามอบให้แก่พระภิกษุฝากไปมอบต่อท่านอุนูและบอกให้ท่านอุนู ทำนุบำรุงศาสนาพุทธให้เจริญและมั่งคงยิ่งๆขึ้นไป ท่านอุนูเป็นบุคคลที่เคร่งครัดในศาสนาพุทธพอๆกับที่ท่านรอบรู้ในเรื่องการ เมือง ท่านรับไม้ไผ่ลำนั้นไว้และปฏิบัติตามคำบอกของชีปะขาวผู้นั้น โดยการสร้างพระ เจดีย์กาบาเอขึ้นทางตอนเหนือของนครย่างกุ้งห่างกันประมาณ 15 กิโลเมตร เพื่อเตรียมการทำสังคายนาพระไตรปิฏกในปี ค.ศ. 1954 – 1956และอุทิศพระเจดีย์องค์นี้เพื่อให้เกิดการสร้างสันติภาพขึ้นในโลกและในประเทศพม่านั่นเอง

พระเจดีย์กาบาเอแม้จะไม่สวยงามโดดเด่นเช่นพระเจดีย์องค์อื่นในนครย่างกุ้ง แต่พระเจดีย์กาบาเอก็มีความน่าสนใจไม่น้อยเลยครับ ลักษณะของเจดีย์เป็นรูปทรงกลมมีความสูงและเส้นผ่าศูนย์กลางคือ 34เมตร ภายในองค์พระเจดีย์บรรจุพระบรมธาตุ มีพระอรหันต์สาวกองค์สำคัญสององค์ พระเจดีย์กาบาเอนั้นมีทางเข้าทั้งหมดห้าด้าน ทุกด้านมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่บนฐานทักษิณ มีพระพุทธรูปหุ้มด้วยทองคำองค์เล็กๆอีก 28 องค์ แทนอดีตสาวกของพระพุทธเจ้าทั้ง 28 องค์ ที่อุบัติขึ้นในโลกนี้ ส่วนพระพุทธรูปองค์พระประธานที่อยู่ข้างในหล่อด้วยเงินบริสุทธิ์มีน้ำหนัก กว่า 500กิโลกรัมครับ พอมาถึงบริเวณเจดีย์กาบาเอ เราต้องถอดรองเท้า ถุงเท้า ถุงน่อง เราถึงเดินเข้าวัดได้ เพราะที่นี่เขาไม่ให้สวมใส่ของพวกนี้เข้าไปนั่นเองครับ

จุดหมายสุดท้ายของเราแล้ว จะจากกันแล้ว ก่อนกลับจัดวัดสุดท้าย วัดชเวตอเมียต

วัดชเวตอเมียต หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อว่า วัดพระเขี้ยวแก้วจุฬามณี เป็นวัดที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วจำลอง วัดนี้ใช้สถาปัตยกรรมโบราณพุกาม องค์เจดีย์เป็นทรงปราสาทแปดเหลี่ยม ด้านในเพดานมีลวดลายและปิดทอง ตรงกลางเป็นบุษบกซึ่งประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วจำลองไว้ โดยรอบฐานบุษบกมีพระประจำวันเกิดให้สักการะ

จบแล้วครับ ทริปพาครอบครัวไปอิ่มบุญ 

สรุปสิ่งที่ควรรู้ก่อนไปพม่า

>>มิงกะลาบา คือ การพูดสวัสดี

>>อาหารที่นี่มันและเค็ม

>>แดดที่นี่ร้อนมากครีมกันแดดสำคัญ

>>คนพม่าหลายคนฟังไทยออกนะ ระวังด้วยเวลาพูด

>>ทิชชูเปียก สารพัดประโยชน์มากๆ เพราะที่เที่ยวต้องถอดรองเท้าตลอด

>>รองเท้าแตะ เลือกคู่ที่หายแล้วไม่เสียดาย หรือควรเอาถุงใส่รองเท้าติดมาด้วยก็ดี

>>คุณสาวๆ ไม่ควรใส่กระโปรงสั้น หรือกางเกงขาสั้น

ทุก ๆ การเดินทางมีข้อดีของมัน

หากเราเดินทางไปยังประเทศที่ดีกว่า เราอาจได้เรียนรู้ว่าจะพัฒนาประเทศของตัวเองอย่างไร

แต่ถ้าหากเราเดินทางไปยังที่ที่เลวร้ายกว่า เราก็อาจได้เรียนรู้ว่าจะอยู่กับมันอย่างมีความสุขได้อย่างไร

Leave a Response